*** จะคุยกับบิณฑ์ในเฟส (ติดตาม 9 ล้านกว่าคน)...เฟสมันบังคับให้ยืนยันตัวตน 2 ซ้อน จบด้วยบัตรประชาชน จึงมาเปิดผนึกที่นี่ดีกว่า ***

27 พ.ย.63

เรียน คุณบิณฑ์ ที่นับถือ

          พอดีผมได้อ่านข่าวของคุณบิณฑ์ที่บอกว่าตนเองปกป้องสถาบันแล้วทำไมทัวร์ลง ผมขออนุญาตแสดงความเห็นต่อคุณบิณฑ์ เพื่อประกอบการพิจารณา ดังนี้นะครับ

1. ก่อนอื่นขอให้คุณบิณ์เปิดใจรับฟังความเห็นและเหตุผลของผู้อื่นก่อนที่จะวิจารณ์ หรือมีอคติและข้อโต้แย้งใดๆ โปรดอ่านให้จบก่อนนะครับ และ

ยกตัวอย่างพระดังในอดีตที่หลงตัวเองแล้วพูดพล่ามออกมาว่า “ฆ่าคอมมิวนิสท์ไม่บาป” หรือพระที่มีธุรกิจพุทธพาณิชย์โดยอ้างว่าเอาเงินไปทำบุญ ความคิดและการกระทำที่ผิดแต่ได้ผลลัพธ์ที่ถูกคือการนำปัจจัยไปช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อแก้ความผิด ความผิดและถูกแบบนี้มันหักล้างกันไม่ได้นะครับ และพระพุทธองค์ไม่เคยสอนเกี่ยวกับทั้ง 2 เรื่องข้างต้นนี้เลย

ถ้าทหารอยากเล่นการเมืองเพื่อแก้นักการเมืองโกง และต้องการช่วยเหลือประชาชน ตนเองก็ต้องลงมาเป็นนักการเมืองที่ไม่โกงซะเอง โดยการตั้งพรรคการเมือง ออกหาเสียง เสนอนโยบายพรรค เสนอตนเองเป็นนายกฯ ให้ประชาชนเขาเลือก แบบทักษิณ และธนาธร (ซึ่งเป็นตัวอย่างที่คนรวยอยากจะทำเพื่อบ้านเมือง จึงตั้งพรรคการเมืองและลงเล่นการเมือง (ไม่ใช่นักการเมืองแบบนักเลือกตั้งจากรัฐธรรมนูญของเผด็จการรัฐประหาร และนักลากตั้ง เช่น พวก ส.ว.) แต่ท้ายที่สุดก็โดนถูกกระทำอย่างอยุติธรรมที่สุด  เพราะบ้านนี้เมืองนี้ไม่ชอบคนฉลาด มีความคิดก้าวหน้า เพราะกลัวเกินหน้า ชอบแต่คนกล้า คนเก่ง และขอบใจเท่านั้น

แต่ในแง่กลับกันคนทั้งหลายที่เขาเห็นความเดือดร้อนของตนเอง ของสังคม ความไม่ถูกต้อง ความไม่ยุติธรรม ความไม่เท่าทียมกัน การแบ่งแยกชนชั้นวรรณะ (ศักดินาและไพร่ ในสังคมและวัฒนธรรมแบบไทยๆ จากคนธรรมดาที่ได้สถาปนาตนเองเป็นสถาบัน) เขาจึงทนไม่ไหว ยอมลำบากยากเข็ญ ยอมถูกจับ ยอมติดคุก ยอมเสี่ยงตาย เพื่อออกมาต่อสู้เรียกร้องความถูกต้อง ความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน ตลอดจนสามารถวิจารณ์และตรวจสอบซึ่งกันและกันได้ 

4. ขอถามคุณบิณฑ์ตรงๆ เคยคิดบ้างไหมว่าทำไมคุณบิณฑ์และคุณตูนถึงต้องลำบากยากเข็ญ ต้องไปช่วยคนจน คนเดือดร้อน คนเจ็บป่วย โดยที่คนที่รวยที่สุดในประเทศ (คงทราบว่าใคร) ยังทำแบบคุณทั้ง 2 นี้ไม่ได้เลย ความจริงหน้าที่ในการขจัดความตกทุกข์ได้ยากความเจ็บป่วยของราษฎรควรเป็นของรัฐบาล ซึ่งทำได้ง่ายๆเพียงแค่เจียดเศษเงินงบประมาณในการซื้ออาวุธปีละเกือบ 2 แสนล้านบาท แล้วนำมาช่วยคนเหลานี้

5.  การที่เราปกป้องสถาบันแล้วมีทัวร์มาลงที่เรา เราไม่ควรตั้งข้อสงสัยหรือมีปัญหากับทัวร์อย่างเดียว แต่ทำไมเราไม่มองในแง่กลับบ้างว่าปัญหามันอาจเกิดจากการกระทำของตัวเรา หรือเกิดจากสถาบันที่เราหลงไหลได้ปลื้ม(จนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น)นี้หรือไม่ (ทั่วโลกเขาเห็นว่าโลกกลม แต่มีคนบางกลุ่มยังคิดว่าโลกแบน ทั่วโลกเขาไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดา แต่บางคนสถาปนาหรือสมติตัวเองให้เป็นเทวดา หรือบางคนยังเชื่อว่ามีเทวดาอยู่ ทั้งๆที่เห็นกันอยู่ว่าทุกคนเป็นคนเหมือนกันหมด จะยากดีมีจน มีฐานะ มีฐานันดรสมมติอะไร ก็ไม่มีใครวิเศษหรือพิเศษไปกว่าใคร คนก็คือคน คือมนุษย์หรือสัตว์ชนิดหนึ่งบนโลกซึ่งมีวัฒนาการมาจากมนุษย์สปีชีส์ Homo Sapiens ที่จัดเป็นสัตว์วงศ์ลิงใหญ่เท่านั้น)

ทุกคนล้วนรักและหวังดีต่อชาติ ประชาชน รวมทั้ง ต่อสถาบัน และต้องการให้ทุกองคาพยพของบ้านเมืองได้รับรู้ด้วยหลักฐาน และด้วยเหตุผลว่า ปัจจุบันบ้านเมืองของเราเป็นเช่นไร ต้องปรับปรุงอะไรบ้าง ใครกำลังร่วมมือกับใครเพื่อทำให้บ้านเมืองถอยหลังย้อนยุคกลับไป 100 ปี กดหัวฝังความคิดที่มืดบอดให้กับประชาชนคนยากไร้ผู้หาเช้ากินค่ำ เพื่อทำให้ประเทศชาติล้าหลังและประชาชนยากจนอย่างยั่งยืนใต้เท้าตราบชั่วลูกชั่วหลานหรือไร

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะไม่มีการทำประชามติ แต่เราสามารถสุ่มตัวอย่างว่าฝ่ายที่ต้องการให้ปฏิรูปและฝ่ายที่ไม่ต้องการให้ปฏิรูปสถาบันใครมีจำนวนมากกว่ากัน ด้วยการเปรียบเทียบจำนวนครั้ง จำนวนความถี่ และจำนวนผู้ร่วมชุมนุมของแต่ละฝ่ายในอดีตที่ผ่านมา ว่าจำนวนคนของกลุ่มไหนมากกว่ากัน (จะนับรวมจำนวนผู้คนหัวเกรียนที่จัดตั้งมาด้วยก็ได้) ซึ่งก็เห็นๆกันอยู่ชัดๆแล้วว่าจำนวนคนของใครมากกว่ากัน แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือความเห็นต่างกันของมนุษย์เป็นเรื่องปกติ แต่ควรจะหันมาทำความเข้าใจให้ตรงกันว่าการกระทำทุกอย่างมันมาจากความปรารถนาดีที่จะเห็นการอยู่ร่วมกันของทุกสถาบันของไทย (โดยเฉพาะสถาบันราษฎรผู้ยากไร้) อย่างมีความสุขความเจริญไปด้วยกัน

8. สรุป การช่วยเหลือผู้คนหรือประชาชนของคุณบิณฑ์เป็นตัวอย่างที่ดี สามารถเป็นไอดอลของคนไทยเกือบทั้งประเทศ แต่การขาดการศึกษา ความรู้ ความเข้าใจ อย่างลึกซึ้งทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของไทย และประวัติศาตร์เปรียบเทียบของประเทศที่เจริญแล้วและประเทศด้อยพัฒนา ทำให้ความคิดความอ่าน สามัญสำนึก และความเข้าใจในปัญหาของประชาชนและประเทศชาติของคุณบิณฑ์ ตลอดจนความเข้าใจในความคิดความอ่านของผู้อื่นซึ่งเริ่มได้รับรู้ถึงสัจธรรมของวิวัฒนาการทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง พัฒนา และต้องก้าวต่อไปข้างหน้าตลอดเวลา ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาล้วนเกิดขึ้นกับทุกประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ (ซึ่งไทยก็ไม่สามารถที่จะอยู่ในข้อยกเว้นหรือหยุดยั้งหรือหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน)

อย่างไรก็ตามการหลงทางหลงปัญหาอาจจะยังไม่ก่อให้เกิดความเสียหายเท่ากับการมีปฏิกิริยาต่อต้านความคิดเห็นที่ถูกต้องซึ่งอาจจะนำมาซึ่งความเสียหายที่มากกว่าเดิมอีก